วันจันทร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2552

ทะเลหมอก ภูชี้ฟ้า




โหหหหหหหหหหหหหหเมื่อเห็นทางเดินขึ้นไปแล้ว มันชั่งเหนื่อยแสนสาหัส ความรู้สึกแรกที่เห็นก็นึกตัดใจว่า พอเถอะหนทางอีกยาวไกล เดินไม่ไหว ของก็ต้องแบก ร้อนก็ร้อน ทางก็ไกลแต่แล้วด้วยความฉุดกระชากและแรงเอาใจช่วยจากคนรอบข้าง จึงทำให้สามารถเดินขึ้นไปจนได้

เดินไป เดินต่อไป อย่าหยุด เฮ้อออเมื่อเงยมองขึ้นไปก็ท้อ รู้สึกว่าเหมือนอยู่กับที่แต่เหนื่อยมากกก เดินขึ้นมาก็นานแล้วนะ เมื่อไรจะถึงซักที่ ร้อนเหงื่อแตกพลั่กๆ หิวน้ำมากกกอยากจะให้ถึงไวๆ อยากพักและ

เวลาผ่านไปจุดมุ่งหมายที่เราคาดหวังไว้ก็จวนจะเป็นจริง ณ เวลามีแรงกำลังใจขึ้นมาทันที ลักษณะเหมือนคล้ายกับว่า เราพยายามทำสิ่งไหนแล้ว เราเกือบจะได้มันแล้วเราก็จะยิ่งพยายามและตั้งมั่นทำต่อไป ตอนนั่นเห็นเห็นละคนที่ถึงยอดภูแล้ว แต่ละคนดูมีความสุข ทุกๆคนอยากจะขึ้ยมาที่ภูชี้ฟ้ากันมาก ถึงแม้ว่าจะเหนื่อยแต่คนก็ยังจะอยากขึ้นมากัน ทำไมน่า.....?

และแล้วเราก็ตระหนักได้แล้วว่า ที่ทุกๆคนพยายามดั้นด้นที่จะขึ้นมาถึงภูชี้ฟ้านี่เพื่ออะไร มันเป็นแบบนี้นี้เอง ความเหนื่อยที่เดินมาเป็นเวลานานก็อันตธานหายไป เมื่อพบกับทะเลสายหมอกที่แสนสวยงาม ล่องลอยไปตามอากาศเป็นครื่นๆลอยไปมา บรรยากาศผิดกันลิบลับจากข่างล้าง ข้างบนภูอากาศเย็นสบายเหมือนได้อยู่บนท้องฟ้าจริงๆ ได้ขึ้นมาแล้วไม่อยากลงเลยจริง

ถึงจะมีกล้องยังไง ภาพที่ถ่ายออกมาถึงมันจะสวยแต่มันก็ไม่สวยเท่าภาพที่เราจับด้วยตา ทั้งสองตาและจดจำได้ถึงนานกว่า 10ปี ถึงแม้ว่าเวลาจะผ่านไปนานเป็นปีๆ แต่ภาพความทรงจำมันก็ไม่เคยลบเลือนหายไปหากเราใช้จิตใจไม่ใช้สมอง

ไม่มีความคิดเห็น: